เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก

(คปอ.)

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เปิดศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม จ.ระยอง

อภิสิทธิ์” ลุยมาบตาพุด ย้ำแก้ได้ใน6เดือน"


เมื่อเวลา14.00 น.วันที่ 16 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ นายไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลมาบตาพุดแห่งใหม่ ถ.สุขุมวิท ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม และโครงการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังสุขภาพโรคของประชาชนในเขตควบคุมมลพิษ
 โดยมีนายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.ระยอง ให้การต้อนรับพร้อมด้วยข้าราชการและประชาชนจำนวนมาก ด้านกลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้นัดรวมตัวชุมนุมห่างจากสถานที่เปิดงานประมาณ 1 กม. โดยไม่สามารถเข้ามาในบริเวณจัดงานได้ เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดสกัดอยู่เป็นระยะ

หลังจากที่ นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.ระยอง นายไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข ได้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของศูนย์เวชศาสตร์ฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ได้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบกันดีถึงปัญหาของชาวมาบตาพุด ที่ต้องเผชิญกับปัญหามลพิษอย่างหนักหน่วง ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้เห็นชอบอนุมัติโครงการเร่งด่วนโดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ วงเงิน 294.54 ล้านบาท ระหว่างปี พ.ศ.2553-2555 ลงมาหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค ซึ่งการเปิดศูนย์เวชศาสตร์ ฯ ก็นับเป็นโครงการสำคัญ ในการดูแลสุขภาพของประชาชนในเขตควบคุมมลพิษ โดยจะมีการนำบุคลากรและเครื่องมือที่ตรงกับปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในเขตควบคุมมลพิษ รวมทั้งการตรวจสุขภาพให้แก่ประชาชนในลักษณะของการเฝ้าระวังสุขภาพต่อเนื่องระยะยาว ซึ่งจะเริ่มทำการตรวจตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.53 เป็นต้นไป

การเปิดศูนย์เวชศาสตร์ฯนับเป็นย่างก้าวที่สำคัญของงานสาธารณสุข เนื่องจากเป็นการปรับกระบวนทัศน์การดูแลสุขภาพของประชาชน จากเดิมที่เคยตั้งรับมาเป็นการดำเนินการเชิงรุก เพื่อป้องกันก่อนที่ประชาชนจะเจ็บป่วย และ ยังเป็นการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยมีเป้าหมายร่วมกันที่คุณภาพที่ดีของประชาชน ซึ่งทางรัฐบาลจะให้ทางกระทรวงสาธารณะสุขจัดสรรงบประมาณ จัดหาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม เครื่องมือทางการแพทย์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เพื่อให้ศูนย์แห่งนี้เป็นต้นแบบการดูแลประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ต่อมาได้มีการปล่อยรถพยาบาลเคลื่อนที่ไปยัง วัดหนองแฟบ ต.ห้วยโป่ง จ.ระยอง โดยมีประชาชนเข้ารับบริการจำนวนมาก

โดยนายกฯ กล่าวระหว่างเป็นประธานว่า ปัญหามาบตาพุดถือว่าเป็นบทเรียนของคนไทยทั้งประเทศที่จะมองแต่อุตสาหกรรมด้านเดียวไม่ได้ ปัญหานี้เป็นบทเรียนสำคัญของการดำเนินนโยบายทั้งหมด โดยเฉพาะความผิดพลาดจากการวางผังเมืองและการหย่อนหยานของการบังคับใช้กฎหมายที่ส่งผลกระทบกับประชาชน จริงอยู่ว่ารัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีอาชีพและรายได้ แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนไปด้วย

“ความผาสุกของประชาชนไม่ได้วัดกันที่ตัวเงิน แต่มันต้องทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีด้วย ฉะนั้นการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สอรับกับระบบนิเวศและสุขภาพของประชาชนด้วย”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลมาบตาพุดใหม่ ถ. สุขุมวิท ต. ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง

ท่านายกขณะกล่าวเปิดงานเป็นประธานเปิดศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลมาบตาพุดใหม่ ถ. สุขุมวิท ต. ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง
ประชาชนที่มาร่วมในพิธิเปิดศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลมาบตาพุดใหม่ ถ. สุขุมวิท ต. ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง
ขณะเปิดป้ายศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม จังหวัดระยอง
ในพิธีเปิดงาน ผู้ว่าราชการและนายแพทย์สาธารณะสุขมาต้อนรับ เมื่อถามว่า 6 เดือนจะแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า โครงการทั้งหลายก็ยังหวังว่าจะเดินไปได้ ความจริงมันจะเร็วมากกว่า 6 เดือน หลายโครงการและจะพยายามดูว่าจะเร่งรัดอย่างไร แต่ว่าทั้งหมดความชัดเจนคือหัวใจสำคัญกรอบเวลาจะ 6-8 เดือน หรือสั้นกว่านั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับความแน่นอน
“ส่วนการสรรหากรรมการองค์กรอิสระเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในอังคารหน้า โดยจะมาจากฐานของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหามาบตาพุด ซึ่งจะให้ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา”

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สิ่งที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อคือการประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ โดยเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนเป็นผู้จัดทำแผน เพื่อบริหารจัดการเกี่ยวกับมลพิษ โดยขณะนี้ได้มีการเสนอโครงการดังกล่าวไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อการบริหารจัดการด้านมลพิษดียิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องของการลงทุน ล่าสุด คณะรัฐมนตรีเห็นชอบระเบียบที่จะใช้บริหารจัดการในเรื่องการให้ความเห็นขององค์กรอิสระต่อโครงการซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้ประกาศใช้ระหว่างที่ตัวกฎหมายยังไม่มีการแก้ไขถือว่าขณะนี้การปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรค 2 มีประกาศและระเบียบรองรับครบถ้วนแล้ว รวมถึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางในการประสานงานเพื่อให้องค์กรอิสระสามารถนำความเห็นมาประกอบการพิจารณาอนุมัติในโครงการต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น